เทคโนโลยีเอไอสร้างความหวังใหม่ต่อวงการดูแลผู้สูงอายุจีน

(People's Daily Online)วันศุกร์ 05 กรกฎาคม 2024

หวาง หยุนปัว ชาวปักกิ่งวัย 65 ปี มีความสุขกับวิถีชีวิตอัน “ชาญฉลาด” ของเขาอย่างเต็มที่ เขาอธิบายด้วยความพึงพอใจว่า “เมื่อฉันเปิดทีวีที่บ้าน รายการช่องโปรดส่วนตัวของฉันจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ สายรัดข้อมืออัจฉริยะบนข้อมือของฉันจะแสดงระดับความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจในแต่ละวัน เพื่อเตือนให้ฉันกินยา เมื่อฉันขึ้นรถบัส โทรศัพท์มือถือฉันสามารถระบุตำแหน่งที่ฉันอยู่ได้โดยอัตโนมัติ และรหัสการชำระเงินก็ปรากฏขึ้น”

หวางและประชากรจีนเกือบ 300 ล้านคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พวกเขาหลายคนขาดเพื่อนคู่คิด และมีความยากลำบากกับการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) นับวันจะถูกบูรณาการมากขึ้นเพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล

ตัวเลขอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ภายในสิ้นปี 2566 บริษัทจีนมากกว่า 490,000 แห่งจากภาครัฐและเอกชน มีส่วนร่วมในธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นที่ด้านต่อไปนี้เป็นหลัก ได้แก่ สุขภาพอัจฉริยะ การท่องเที่ยวที่เน้นด้านสุขภาพ การเงิน และภาคแห่งการชะลอวัย

เฟิง เหวินเหมิ่ง นักวิจัยจากศูนย์วิจัยการพัฒนาแห่งคณะรัฐมนตรีจีนกล่าวว่าเทคโนโลยีอัจฉริยะและดิจิทัลใหม่ ๆ ได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญ ปลอดภัย และสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ที่ตรวจสอบสภาวะสุขภาพ รองเท้าพร้อมระบบระบุตำแหน่ง และเสื้อผ้าที่ฝังเซ็นเซอร์ในตัวและถุงลมนิรภัยแบบพองซึ่งจะปรับใช้เมื่อตรวจจับการล้ม ช่วยลดแรงกระแทกและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

ชาวเซี่ยงไฮ้ แซ่หลิว วัย 70 ปี มีความผูกพันกับหุ่นยนต์ “แม่บ้าน” ของเธอ เธอพูดคุยกับหุ่นยนต์ทุกวันและอาศัยความช่วยเหลือในการทำงานบ้านและคำแนะนำด้านสุขภาพ เธอบอกว่า “ฉันแทบจะขาดมันไม่ได้แล้วตอนนี้” อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันบริษัทจีนใช้เทคโนโลยี AI ในบริการดูแลผู้สูงอายุขั้นพื้นฐานเป็นหลัก แต่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย เช่น บริการทางการแพทย์ทางไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยังมีพื้นที่สำคัญสำหรับการพัฒนาต่อไป

ปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนร่วมกับหน่วยงานรัฐบาล 16 แห่ง ออกแผนปฏิบัติการเพื่อบูรณาการหุ่นยนต์กับสถานการณ์การดูแลผู้สูงอายุที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมระดับอัจฉริยะของบริการเหล่านี้

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการบูรณาการระดับลึกของเทคโนโลยีเอไอในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านอัจฉริยะ อุปกรณ์ที่สวมใส่ติดตัวและหุ่นยนต์ การใช้ 5G ข้อมูลบิ้กดาต้า การประมวลผลแบบคลาวด์และเทคนิคขั้นสูงอื่น ๆ เพื่อให้ได้ความแม่นยำและการโต้ตอบระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ที่สูงขึ้น

ธนาคารแห่งเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นหน่วยงานจ่ายเงินบำนาญที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ร่วมมือกับ SenseTime บริษัทซอฟต์แวร์เอไอชั้นนำ เพื่อพัฒนาพนักงานเอไอเสมือนจริงโดยเสนอบริการเสียงบนแอปมือถือ ความคิดริเริ่มนี้เป็นไปตามข้อเสนอแนะที่ผู้ใช้บริการธนาคารบนมือถือจำนวนมากยังคงต้องไปที่สาขาของธนาคารเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ด้วยบริการจากพนักงานเอไอ ผู้ใช้วัย 82 ปีนามว่า สวี สามารถตรวจสอบยอดเงินในบัญชีบำนาญของเขาผ่านแอปในโทรศัพท์ได้โดยทำต��มคำแนะนำด้วยเสียงของพนักงานเอไอ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศได้เลือกกรณีนี้เป็นหนึ่งใน 40 กรณี "AI for Good" จากทั่วโลก บริษัทเซนส์ไทม (SenseTime) วางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานเอไอต่อไป โดยปรับปรุงการตอบสนองทางอารมณ์และปรับภาพให้เข้ากันได้กับโทรศัพท์รุ่นต่าง ๆ มากขึ้น

อย่างไรก็ดี การปรากฏตัวของเอไอที่มากขึ้นทำให้อุตสาหกรรมดูแลผู้สูงอายุเติบโตอย่างรวดเร็ว กระนั้นก็มีข้อกังวลเพิ่มมากขึ้น ผู้สูงวัยบางคนคิดว่าผลิตภัณฑ์เอไอราคาแพงเกินไปและบางครั้งก็ไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่คนในครอบครัวก็กังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความเสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกงที่พุ่งไปที่กลุ่มเสี่ยง

หู จู่ฉวน นักวิจัยจีนแนะนำว่า จีนสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศต่าง ๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ในการพัฒนาเศรษฐกิจผู้สูงอายุด้วยความช่วยเหลือจากเอไอ

จัสติน โคลสัน ตัวแทนกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศจีน แสดงความหวังว่าการสำรวจเศรษฐกิจผู้สูงอายุของจีนในทศวรรษหน้าจะเป็นตัวอย่างที่มีคุณค่าสำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ